
สูตรอาหารสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ ขนมไทย เมนูกะทิ คือ บัวลอย แต่ความพิเศษของเมนูนี้ คือ บัวลอยแก้ว ที่ความพิเศษคือ เม็ดบัวลอย ที่ใส เหนียว กรอบ น้ำกะทิหอมๆ หวานพอดี เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้ อยู่ที่ เทคนิคการเลือกวัตถุดิบ ต้องเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ความพิถีพิถัน ในการทำขนม วันนี้ เราจึงขอนำเสนอ สูตรบัวลอยแก้ว พร้อมวิธีทำ
ส่วนผสมสำหรับทำบัวลอยแก้ว
- แป้งมัน 1 กิโลกรัม
- น้ำอุ่น 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำใบเตย 3 ช้อนโต้ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- หัวกะทิ 1 กิโลกรัม
- หางกะทิ 1 กิโลกรัม
- น้ำตาลปี๊บ 1/2 กิโลกรัม
- เนื้อมะพร้าวอ่อนขูด 1 ถ้วยตวง
- เผือกหั่นเป็นลูกเต๋า 1 ถ้วยตวง
- พักทองหั่นลูกเต๋า 1 ถ้วยตวง
- สาคูเม็ดใหญ่ 1 ถ้วยตวง
ขั้นตอนการทำบัวลอยแก้ว
- เตรียมสาคูเม็ด โดยการนำสาคูเม็ดใหญ่ลงไปต้มในน้ำเดือด เป็นเวลา 15 นาที จากนั้นนำไปแช่น้ำเย็นทันที จากนั้น แช่ทิ้งไว้ 1 คืน
- จากนั้นนำสาคูลงไปต้มอีกครั้ง ประมาณ 15 นาที จะได้สาคูที่ สุกพอดีรับประทาน จากนั้นให้นำมาพักใส่น้ำเย็นเอาไว้ก่อน
- นำเผือก และ ฟักทอง มานึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 30 นาที จะได้เผือก และ ฟักทองที่ สุกพอดี ไม่เละเกินไป
- เริ่ม เตรียม ทำเม็ดบัวลอย โดย นำแป้งมันผสมกับน้ำอุ่นผสมเกลือ ใส่น้ำใบเตยลงไป จากนั้นนวดจนได้เนื้อแป้งที่เนียน นำมารีด และ หั่นเป็นลูกเต๋า
- จากนั้นต้มน้ำใส่ใบเตย และ น้ำเชื่อมลงไป รอให้น้ำเดือดจัด นำเม็ดบัวลอยลงไปต้ม เมื่อเม็ดบัวลอย ลอยขึ้นมาแสดงว่าสุกพร้อมทานแล้ว นำมาพักใส่น้ำเชื่อมเอาไว้
- เตรียมน้ำกะทิ ให้ต้มหัวกะทิ และ หางกะทิ เมื่อกะทิแตกมัน ให้ช้อนเอาส่วนที่แตกมันเก็บใส่ชามเอาไว้ จากนั้น เติมน้ำตาลปี๊บลงไปในหม้อต้มกะทิ เมื่อน้ำตาลละลายก็ปิดไฟได้
- นำบัวลอยที่ต้มเอาไว้แล้ว ลงไปในกะทิ พร้อมกับ สาคูเม็ดใหญ่ เผือก ฟักทอง และ มะพร้าวอ่อน ผสมให้เข้ากัน เท่านี้ก็พร้อมสำหรับรับประทานได้
เคล็ดลับการทำบัวลอยแก้ว
- กะทิ ต้องเลือกใช้มะพร้าวขูดสดๆ คั้นกะทิสดๆ การคั้นหัวกะทิ จะต้องไม่ผสมน้ำเลย จะได้กะทิที่มีความมันและหอม
- การต้มบัวลอย ให้ใช้น้ำเชื่อมต้ม จะได้เนื้อบัวลอยที่มีความหวานแทรก และ เนื้อเด้ง เหนียว
- สาคูเม็ดใหญ่ ต้องทำตามขั้นตอนที่แจ้ง คือ ต้มก่อน จากนั้นแช่ทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนที่จะต้มอีกครั้ง จึงจะได้สาคูที่นุ่มหนึบ
- การหั่น เผือก และ ฟักทอง ไม่หั่นให้เล็กเกินไป เนื่องจาก เวลานึ่งอาจทำให้ เผือก และ ฟักทอง เละ ไม่น่ารับประทาน
- น้ำตาล สำหรับขนมหวาน ให้เลือกใช้น้ำตาลป๊ีบ โดยเทคนิคการทำ ให้ค่อยๆ ใส่น้ำตาล จนได้ความหวานที่พอดี หากใส่มากเกินไป และใส่ทีเดียวเลย หากหวานเกินไปจะแก้ไขยาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น